เวลา คือ ทรัพย์สินส่วนบุคคล
ไม่มีใครพราก เวลา ไปจากเราได้
เวลา เป็นของเรา
ชีวิต กลืนกินเวลาของตัวเอง
ผลิดอก ออกผลเป็น ประสบการณ์
บางดอกเปล่งประกาย
ความสุขแวววาว
บางผล หล่นกระทบ
กระจัดกระจาย
กลับกลืน
คืนสู่ร่าง-ลำต้น
ตกผลึกความคิด
กลายเป็นแก่นตัวตน
วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
จากไป..เพื่อกลับมา
เธอ...
กลับมาสู่ "ความรัก"ของชั้นแล้ว
เมื่อเธอ จากไปไกลแสนไกล
---------------------------------------
ภาพเก่าๆของเธอ ยามเคลื่อนไหว
รอยยิ้ม ผุดแย้มพราย บนร่องรอยเหี่ยวย่นของความชรา
และอกัปกริยา คล้ายเด็ก
บทบาทช่างจำนรรค์ ถ้อยที เจ้าอารมณ์ เรี่ยวแรงที่ถดหาย
ข้าวของมากมาย ของเธอเรียงรายอยู่อย่างนั้น
แว่นอ่านหนังสือ ขาเทียมที่มาแทนส่วนที่ขาดหาย
แว่นกันแดด เสื้อผ้า ถุงน่อง รองเท้าข้างที่เหลือ
ใบมีดโกนและหวีเล็กๆที่ติดตัวอยู่เสมอ
พระในกระเป๋า แผ่นยันต์ดวงชะตา ไม้เท้าสามขา
ผ้าที่ใช้ห่มนอน... หมอนที่นอนหนุนในทุกวัน
และดวงตาดวงนั้น....ที่ฉายแววอ้อนวอนด้วยความอาลัย
--------------------------------------------
ชั้นอยากนั่งอยู่ตรงที่ๆของเธอ(ตรงที่เดิมของเธอ ..ตรงนี้)
มองดูภาพเธอ...พยายามเคลื่อนไหวไปมา
รอยลากขาอย่างช้าๆ และปลายเท้า ที่สั่นไหว
ชั้นยังอยากได้ยินเสีนงตะโกนเกรี้ยวกราดเต็มไปด้วยอำนาจยามที่เธอขัดใจ
ชั้นอยากเห็นรอยยิ้มหยอกเย้า สัพยอกด้วยถ้อยคำแสบสันต์
-----------------------------------------------------
ชั้นยิ้มเสมอ
เมื่อเห็นเธอมีความสุขกับอาหารที่ถูกปาก
แววตาเป็นประกายยามที่ได้ติดรถไปไหนๆ
ร่องรอยครูดข้างแผงรถลึกลงไป
ฉันยังอยากเห็นเธอนอนหลัับไหล..ท่ามกลางเสียงอึกทึกในยามกลางวัน
ฉันยังอยากได้ยินเสียงของเธอ อีกสักครั้ง อีกสักครั้ง แม้จะไกลแสนไกล
-------------------------------------------------------------------------
พ่อครับ..
พ่อเจ็บรึเปล่า
ลูกชาย..เพียงครึ่งร่าง คนนี้ อยากถาม
อยากราบลงแทบเท้า..ที่พ่ออภัย
-
-
แต่เนิ่น นานมา เท่าใด
ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร พ่อไม่เคยแม้คำน้อย จะติเตียน
-------------------------------------------------------
พ่อครับ.. คืนก่อน พ่อลับ
ลูกคนที่สามของพ่อ อุ้มพ่อนอนเตียง
ห่มผ้ากันหนาว วางหมอนแนบอก
รอยยิ้มภูมิใจ..พร้อมถ้อยคำน้อยนักจะได้ยิน
"เออ..เก่งเหมือนกัน อุ้มเตี่ยไหวด้วย"
ห่มผ้าให้พ่อแล้ว เช็ดเท้าข้างที่เหลือ เทน้ำให้พ่อดื่ม เอาผ้าลูบหลัง แล้วขอให้พ่อนอนหลับ
"กอดหมอน นะพ่อ นอนหลับจะได้ไม่ผวา
วางผ้าไว้ที่หน้าอก คืนนี้อากาศมันหนาว พ่ออย่าลุกไปไหนอีกเลย"
-----------------------------------------------------------------
ถ้อยคำสุดท้าย....
จากชายผู้ให้กำเนิด..
"อย่าพึ่งไปไหน อยู่เป็นเพื่อนก่อนนะ"
.................................................................
เช้านี้.. ตื่นแล้ว ลูกพ่อตื่นเช้ากว่าวันไหน
พ่อนอนร่างเย็น ดวงตาหลับไหล
รอยเลือดมุมปาก ขาทั้งสองวางพาด แนบสนิทกับพื้นเย็น
----------------------------------------------------------------------
พ่อครับ... พ่อเจ็บหรือเปล่า
ลมหนาวอีกเล่า พ่อหนาวไหมหนอ
เสียงเรียกดัังก้อง.. .. พ่อไม่ตื่นลืมตาอีกแล้ว
-
-
-
เธอคือ "พ่อของฉัน"
นานเท่าใด เธอก็คือ " พ่อ "
ผู้สร้างฉันมาจากดาวเดือน ผู้สร้างทางเดิน ให้ฉันด้วยความหวังดี
ผู้ให้ชีวิต และแววตา
ผู้ให้มาทั้งความสุข รอยยิ้ม และความทรงจำ
-------------------------------------------------------------
ร่างนั้นผ่ายผอม
ลมหายใจรอนๆ จะขาดริน
มือพ่อยังอุ่น ฝ่ามือแน่นหนัก
นานเท่าไร...ไม่รู้
ฉันเคยลูบคลำ มือใหญ่กร้านเป็นปม ปมของคนเดินทาง
วันนี้มือลูก ไม่ต่างจากมือนั้น
เราเป็นเหมือนกัน....ดี ร้ายเพียงไร ใช่.....ครึ่งหนึ่งฉันเป็นเลือดเธอ
......................................................
ดีร้าย....เพียงไร
ใช่...ฉันภูมิใจ....ที่เป็น...ลูกเธอ
---------------------------------------------------------------------------
เก็บพ่อไว้...ในความทรงจำ
กลับมาสู่ "ความรัก"ของชั้นแล้ว
เมื่อเธอ จากไปไกลแสนไกล
---------------------------------------
ภาพเก่าๆของเธอ ยามเคลื่อนไหว
รอยยิ้ม ผุดแย้มพราย บนร่องรอยเหี่ยวย่นของความชรา
และอกัปกริยา คล้ายเด็ก
บทบาทช่างจำนรรค์ ถ้อยที เจ้าอารมณ์ เรี่ยวแรงที่ถดหาย
ข้าวของมากมาย ของเธอเรียงรายอยู่อย่างนั้น
แว่นอ่านหนังสือ ขาเทียมที่มาแทนส่วนที่ขาดหาย
แว่นกันแดด เสื้อผ้า ถุงน่อง รองเท้าข้างที่เหลือ
ใบมีดโกนและหวีเล็กๆที่ติดตัวอยู่เสมอ
พระในกระเป๋า แผ่นยันต์ดวงชะตา ไม้เท้าสามขา
ผ้าที่ใช้ห่มนอน... หมอนที่นอนหนุนในทุกวัน
และดวงตาดวงนั้น....ที่ฉายแววอ้อนวอนด้วยความอาลัย
--------------------------------------------
ชั้นอยากนั่งอยู่ตรงที่ๆของเธอ(ตรงที่เดิมของเธอ ..ตรงนี้)
มองดูภาพเธอ...พยายามเคลื่อนไหวไปมา
รอยลากขาอย่างช้าๆ และปลายเท้า ที่สั่นไหว
ชั้นยังอยากได้ยินเสีนงตะโกนเกรี้ยวกราดเต็มไปด้วยอำนาจยามที่เธอขัดใจ
ชั้นอยากเห็นรอยยิ้มหยอกเย้า สัพยอกด้วยถ้อยคำแสบสันต์
-----------------------------------------------------
ชั้นยิ้มเสมอ
เมื่อเห็นเธอมีความสุขกับอาหารที่ถูกปาก
แววตาเป็นประกายยามที่ได้ติดรถไปไหนๆ
ร่องรอยครูดข้างแผงรถลึกลงไป
ฉันยังอยากเห็นเธอนอนหลัับไหล..ท่ามกลางเสียงอึกทึกในยามกลางวัน
ฉันยังอยากได้ยินเสียงของเธอ อีกสักครั้ง อีกสักครั้ง แม้จะไกลแสนไกล
-------------------------------------------------------------------------
พ่อครับ..
พ่อเจ็บรึเปล่า
ลูกชาย..เพียงครึ่งร่าง คนนี้ อยากถาม
อยากราบลงแทบเท้า..ที่พ่ออภัย
-
-
แต่เนิ่น นานมา เท่าใด
ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร พ่อไม่เคยแม้คำน้อย จะติเตียน
-------------------------------------------------------
พ่อครับ.. คืนก่อน พ่อลับ
ลูกคนที่สามของพ่อ อุ้มพ่อนอนเตียง
ห่มผ้ากันหนาว วางหมอนแนบอก
รอยยิ้มภูมิใจ..พร้อมถ้อยคำน้อยนักจะได้ยิน
"เออ..เก่งเหมือนกัน อุ้มเตี่ยไหวด้วย"
ห่มผ้าให้พ่อแล้ว เช็ดเท้าข้างที่เหลือ เทน้ำให้พ่อดื่ม เอาผ้าลูบหลัง แล้วขอให้พ่อนอนหลับ
"กอดหมอน นะพ่อ นอนหลับจะได้ไม่ผวา
วางผ้าไว้ที่หน้าอก คืนนี้อากาศมันหนาว พ่ออย่าลุกไปไหนอีกเลย"
-----------------------------------------------------------------
ถ้อยคำสุดท้าย....
จากชายผู้ให้กำเนิด..
"อย่าพึ่งไปไหน อยู่เป็นเพื่อนก่อนนะ"
.................................................................
เช้านี้.. ตื่นแล้ว ลูกพ่อตื่นเช้ากว่าวันไหน
พ่อนอนร่างเย็น ดวงตาหลับไหล
รอยเลือดมุมปาก ขาทั้งสองวางพาด แนบสนิทกับพื้นเย็น
----------------------------------------------------------------------
พ่อครับ... พ่อเจ็บหรือเปล่า
ลมหนาวอีกเล่า พ่อหนาวไหมหนอ
เสียงเรียกดัังก้อง.. .. พ่อไม่ตื่นลืมตาอีกแล้ว
-
-
-
เธอคือ "พ่อของฉัน"
นานเท่าใด เธอก็คือ " พ่อ "
ผู้สร้างฉันมาจากดาวเดือน ผู้สร้างทางเดิน ให้ฉันด้วยความหวังดี
ผู้ให้ชีวิต และแววตา
ผู้ให้มาทั้งความสุข รอยยิ้ม และความทรงจำ
-------------------------------------------------------------
ร่างนั้นผ่ายผอม
ลมหายใจรอนๆ จะขาดริน
มือพ่อยังอุ่น ฝ่ามือแน่นหนัก
นานเท่าไร...ไม่รู้
ฉันเคยลูบคลำ มือใหญ่กร้านเป็นปม ปมของคนเดินทาง
วันนี้มือลูก ไม่ต่างจากมือนั้น
เราเป็นเหมือนกัน....ดี ร้ายเพียงไร ใช่.....ครึ่งหนึ่งฉันเป็นเลือดเธอ
......................................................
ดีร้าย....เพียงไร
ใช่...ฉันภูมิใจ....ที่เป็น...ลูกเธอ
---------------------------------------------------------------------------
เก็บพ่อไว้...ในความทรงจำ
วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วูบดับ..แล้วลับหาย(แด่ ชายผู้ไม่เคยหลั่งน้ำตา)
คำ ต่อ คำ
ภาพ ต่อ ภาพ
-
-
-
ความทรงจำ ไหลหลั่ง ราวกับสายน้ำหลาก
-----------------------------------------------
แด่ชาย ผู้ไม่เคยมีน้ำตา
เขาคือ ผู้กล้าแห่งวัยเยาว์
เขาคือ วีรบุรษแห่งท้องไร่
เขาคือ พ่อ ผู้ไม่เคยร้องเพลง
-
-
เขาคือ ผู้สร้าง และให้ทางเดิน
เขาคือ ครู ผู้สอนให้สู้ชีวิต
เขาคือ คนติดดิน
เขาคือ ผู้สร้างศิลป์ให้ชีวัน
เขาคือ คนแกร่งอันเกรียงไกร
กราบพ่อ_________ จากหัวใจ
--------------------------------------------------
ฉัน คิด ถึง เธอ.........เหลือเกิน
วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ความฝัน
วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2551
เรื่องราวบนแผ่นไม้
เด็กเอย..เจ้ารู้ไหม..
โลกนี้กำลังร้าย
นักมันย่ำแย่เสียจนคนบนฟ้าบันดาลให้ฝนตกหนัก
เพื่อชำระล้างเสียที
เจ้ารู้ไหม..ตอนนั้นมีเพียง "ความสำนึก" เท่านั้น
ที่ตระหนักรู้ถึงภัยใหญ่นี้
ใหญ่หลวงแค่ไหนหรือเจ้า..มันมากจนทำให้คนลืมความรู้สึกดีๆนั่นแหละ
"ความสำนึก" ร้องหาเพื่อนร่วมทาง
มีบางคนผ่านมาแล้วก็ผ่านไปน่ะเจ้า
จนวันหนึ่ง.."ปัญญา" เดินทางผ่านมา
และรับรู้ได้ว่าความสำนึกต้องการเขา
เขาทำอะไรน่ะเหรอเจ้า
อืมม..เขาช่วย "ความสำนึก" สร้างแพใหญ่ขึ้นมา
เหนื่อยไหมหรือเจ้า..
เมื่อทำงานด้วยความรู้สึกดี..เขากลับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
หากแต่กลับร้องเพลงเสียด้วยซ้ำ
มันเป็นเพลงอย่างไรหรือ
เด็กเอยมันเป็นเพลงที่อ่อนหวานและกล้าหาญนัก
จนวันนึง.."ความคิด" ได้ยิน จึงเดินตามหาเสียงเพลงนั้น
เจ้ารู้ไหม..ไม่เพียงความคิดหรอกนะที่ได้ยิน
ยังมี "ความผูกพัน" ด้วย
ความคิดช่วยสร้างแพต่อ
"ความผูกพัน" ช่วยรัดแพ ให้แน่นหนาแข็งแรง
แพนั้นเป็นรูป เป็นร่าง แล้วเด็กเอย
หากแต่ยังเคลื่อนไปไม่ได้
จน "ความร่าเริง" มาถึงนั่นแหละ
แพน้อยจึงเคลื่อนตัวไป
เด็กเอย .... น้ำนั้นมากแล้ว
เจ้ารู้ไหม..มี "ความรัก" ลอยมา
โอย..ไม่เหมือนหมาเน่าลอยน้ำหรอกเด็กเอ๋ย
ความรักน่ะ...ยังไม่ตาย
และเจ้ารู้ไหม คนทั้งหลายบนแพช่วย"ความรัก"ขึ้นมา
เด็กเอย...บนแพนั้นมีที่ว่างมาก
นักวันหนึ่งพวกเขาช่วยกันช้อนตัวหนังสือลอยน้ำ ขึ้นมาคนละตัว
เมื่อวางเรียงกัน กลายเป็น จ ริ ง ใ จ
นั่นจึงเป็นที่มาของแพใหญ่ เด็กเอย
วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ปรัชญาของการนอน
เคยเด็กไหม
แหงแซะ ล้วนเคย
ตอนเด็กๆ เวลากลัวอะไร หลับตาปี๋ไหม
พฤติกรรมสากล เข้าใจว่าทำทุกคน
ตอนเด็ก เวลาย่ำแย่ สิ่งที่ทำได้คือหลับตาปี๋
เราไม่เห็น เขาก็ไม่เห็นเรา เพราะงั้นก็หายกลัว
เรียกว่า หลอกตัวเองกันมาตั้งแต่เด็ก
เพียงเพื่อก้าวผ่านความไม่สบายใจ
เรื่องตลกอย่างหนึ่ง
ดวงตา..อวัยวะเดียวในร่างกาย
ที่เกิดมาอันแค่ไหน ตายไปก็อันแค่นั้น
อาจเป็นเพราะเหตุนี้
ต่อให้โตเต็มที่หมาเลียตูดไม่ถึง
เพียงข่มตาหลับให้ได้
เพียงหลับให้ลง พรุ่งนี้ตื่นมาคงยิ้มได้อีกที
คิดถึงทุกท่าน
หลับตาเถอะนะ
และฝันดีทุกคน..
(เอ่อ..ห่มผ้าดีๆ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเซ๊กซี่ได้เหมือนไอ่แมวตัวนี้..ฝันดีๆ..)
วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2551
กั้นห้องเองกะได้
วะเว้ยเฮ้ย
กว่าจะหาทางเข้าบ้านถูก
มะงุมมะงาหราอยู่เป็นนาน
ก็น่ะนะ... ไหนๆ แล้ว เพิ่งมาถึง
ก็ต้องรีบจับจองห้องหับให้เป็นที่เรียบร้อย...
นี่ห้องข้าพเจ้า
อาจรกรุงรังบ้างเล็กน้อย
เพราะเจ้าของห้อง..หัวใจไม่ค่อยจาว่าง (หุ)
เลยไม่มีเวลามาดูแลทำความสะอาดเท่าไร
ทำเท่าที่มี ดีเท่าที่ได้
ไว้วันหลังมาเขียนใหม่นะ
ใครไปใครมาก็แปะโน้ตไว้
จาใส่ใจซื้อข้าวปลาสุรามาฝากก็ไม่ว่ากัน
.....
ยิ้มหวานๆ ให้หนึ่งที ^_____^
พรานล่อเนื้อ
เจ้า..ยักคิ้วให้พี่
เจ้ายิ้มในที..เหมือนเจ้าจะมีรักอารมณ์
ยั่วเรียมให้เหงา มิใช่เจ้าชื่นชม
อกเรียมก็ตรม ตรมเพราะคมตาเจ้า
เรียมพะวักพะวง
เจ้ายิ้มในที..เหมือนเจ้าจะมีรักอารมณ์
ยั่วเรียมให้เหงา มิใช่เจ้าชื่นชม
อกเรียมก็ตรม ตรมเพราะคมตาเจ้า
เรียมพะวักพะวง
เรียมคิดทะนง
แล้วเรียมก็คงหลงตายเปล่า
แล้วเรียมก็คงหลงตายเปล่า
ดังพรานล่อเนื้อ
เงื้อแล้วเล็งเพ่งเอา..
เงื้อแล้วเล็งเพ่งเอา..
ยั่วใจให้เมา
เมาแล้วยิงนั่นแล
เมาแล้วยิงนั่นแล
น้าวศรเล็ง..เพ่งเอาทุกสิ่ง
หากเจ้าหมายยิง ..ก็ยิงซิแม่
ยิงอกเรียมสักแผล
เงื้อแล้วแม่
อย่าแปรอย่าเปลี่ยนใจ
อย่าแปรอย่าเปลี่ยนใจ
เรียมเจ็บช้ำอุรา
เจ้าเงื้อเจ้าง่า
แล้วเจ้าก็ล่าถอยทันใด
เจ็บปวดหนักหนา
เงื้อแล้วราเลิกไป
เจ็บยิ่งสิ่งใด
ไยมิยิงพี่เอย..
ไยมิยิง พี่เอย...
แล้วเจ้าก็ล่าถอยทันใด
เจ็บปวดหนักหนา
เงื้อแล้วราเลิกไป
เจ็บยิ่งสิ่งใด
ไยมิยิงพี่เอย..
ไยมิยิง พี่เอย...
ไยมิยิง พี่เอย...
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2551
คนโปรดที่หน้าบ้าน
ขอพัก
ห้องของเรา
ลีลาวดี
ในสวน
ห้องทำงาน
ห้องรับแขก
ระเบียงบ้าน
วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ฉันเดินทาง..ตามเส้นทางของดวงจันทร์
ฉันเดินทางตามเส้นทางของดวงจันทร์
ตามเส้นทางของดวงจันทร์
ประสบหรือพลาดหวังตามแต่เงาของท่าน
ตามแต่เงาของท่าน
ถ้าหากฉันเพียงแต่ขาดแขนไป
หมดน้ำใจขาดที่พึ่งพิง
หากฉันเพียงแต่ขาดแขนไป...โอย...ฉันคงไม่ต้องไปทำงาน
คงไม่รู้จักทำงานด้วย
ถ้าหากฉันเพียงแต่ขาดแก้วตา มองหนใดไม่นำพา
หากฉันเพียงแต่ขาดแก้วตานะ...
โอย...ฉันคงไม่ต้องนั่งร้องไห้
คงไม่รู้จักร้อง
ไห้ฉันเดินทางตามเส้นทางของดวงจันทร์
ตามเส้นทางของดวงจันทร์ประสบหรือพลาดหวังตามแต่เงาของท่าน
ตามแต่เงาของท่าน
ถ้าหากฉันเพียงแต่ขาดลิ้นไปนะ
บอกถามใครไม่นำพาหากฉันเพียงแต่ขาดลิ้นใน...
โอย...ฉันคงไม่ต้อง ปะ...?
อีกนานไม่เล่าที่คุณจะถามฉัน
ฉันตอบไปแล้วก็มากมาย
อีกนานไม่เล่าที่คุณจะถามฉัน
คำตอบคงสาแก่ใจ
ก็ฉันจะบอกให้ฉันเดินทางตามเส้นทางของดวงจันทร์
ตามเส้นทางของดวงจันทร์
ประสบหรือพลาดหวังตามแต่เงาของท่าน ตามแต่เงาของท่าน
วันเวลา วัยเยาว์
หลายปีแล้ว ที่เราหลายคน มีหน้ากระดาน เป็นพื้นที่ร่วมกัน
เรื่องราวมากมาย ผ่านเข้ามา อบอุ่น ซึ้งใจ เจ็บปวด
ถึงเวลาปัจจุบัน
เพียงบางคำที่อยากบอก
มองให้ลึกซึ้งในทุกเรื่องราว
เราจะจดจำ ความงดงามของความสัมพันธ์
ในทุกแง่มุม เหลี่ยมคม ความเป็น "คน" สีเทา
ไม่ขาว ไม่ดำ ...
เป็นมนุษย์ธรรมดา มีโง่ มีฉลาด ขลาดเขลา
มีรัก และมีอภัย ...
เรื่องราวมากมาย ผ่านเข้ามา อบอุ่น ซึ้งใจ เจ็บปวด
ถึงเวลาปัจจุบัน
เพียงบางคำที่อยากบอก
มองให้ลึกซึ้งในทุกเรื่องราว
เราจะจดจำ ความงดงามของความสัมพันธ์
ในทุกแง่มุม เหลี่ยมคม ความเป็น "คน" สีเทา
ไม่ขาว ไม่ดำ ...
เป็นมนุษย์ธรรมดา มีโง่ มีฉลาด ขลาดเขลา
มีรัก และมีอภัย ...
นาโน
วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551
บททดลองที่ 1
วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ไร้แหล่งแลร่องรอย
............
ในที่ว่างเปล่า
ขุนเขา จรดฟ้า
ไร้แม้..ธุลี
............
ขอบคุณ
รอยต่อของกาล
ที่ว่าง ให้วางลง
อย่างเสรี
.....................
หนึ่งนาที นักเดินทาง
ดั่งลงจอบขุดหลุมฝังหนึ่งจอบ
หนึ่งลมหายใจเข้า
ดั่งเถ้าที่โรยตัวในสายลม
หนึ่งลมหายใจออก
ดั่งหนทางบอกกล่าวแห่งพุทธองค์
ทุกย่างที่ก้าวไปข้างหน้า
ล้วนก้าวไปหา..จุดเดิม
หากแต่ต่าง
สัมภาระรายทางที่แบกมา
.......................
ในที่ว่างเปล่า
ขุนเขา จรดฟ้า
รอยต่อ ของกาลเวลา
ความต่าง
ของจุดเริ่ม และ ดับสิ้นลง!!
XnonX
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)